การจัดทำงบประมาณฐานศูนย์
Zero-Based Budgeting (ZBB) หรือ การจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ เป็นวิธีการงบประมาณที่สวนทางกับวิธีที่ทำกันมาแต่เดิมอย่างสิ้นเชิง ในการจัดทำงบประมาณแบบเดิมนั้น ผู้บริหารจะเริ่มด้วยการทบทวนงบประมาณของปีที่ผ่านมาและแก้ไขรายรับรายจ่ายตามผลการปฏิบัติงานที่ประมาณการไว้ งบประมาณของปีที่แล้วจึงถือเป็นฐาน (base line) หรือจุดตั้งต้นของการจัดทำงบประมาณในปีปัจจุบัน แต่ในงบประมาณฐานศูนย์ ผู้บริหารทุกคนจะต้องแจกแจงงบประมาณรายจ่ายแต่ละรายการที่จะใช้ในปีงบประมาณปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ปรับตัวเลขงบประมาณของปีที่แล้ว ฐานของงบประมาณแบบ zero-based budgeting จึงเป็นศูนย์ โดยไม่สนใจว่าได้เคยจัดสรรงบประมาณให้รายการใดมาก่อนหน้าแล้วจำนวนเท่าไรและงบประมาณปีนี้จะสูงหรือต่ำกว่าปีที่แล้วกี่เปอร์เซ็นต์
Peter Pyrrh ผู้จัดการฝ่ายบัญชีของ Texas Instruments เป็นผู้สร้างการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ขึ้นในทศวรรษที่ 1970 โดยแสดงแนวคิดนี้ไว้ในหนังสือของเขาชื่อ “Zero Based Budgeting: A Practical Management Tool for Evaluating Expenses” ระบบงบประมาณนี้จะประสานวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ทั้งหลายเข้าสู่กระบวนการงบประมาณด้วยการจัดกลุ่มค่าใช้จ่าย และประเมินผลความสำเร็จของค่าใช้จ่ายนั้น ช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถกระจายทุนไปตามความจำเป็นในปัจจุบัน แตกต่างจากการตั้งงบประมาณแบบเดิมที่จะแจกแจงรายละเอียดเฉพาะรายจ่ายที่เกิดใหม่ ส่วนรายการที่ซ้ำกับปีที่แล้วก็เพียงแต่นำยอดมาปรับเปอร์เซ็นต์เพิ่ม Jimmy Carter ผู้ว่าการรัฐจอร์เจียสมัยนั้น เห็นชอบกับแนวคิด zero-based budgeting และได้แต่งตั้ง Peter Pyrrh ให้เป็นผู้บริหารกระบวนการงบประมาณของรัฐจอร์เจียในเวลาต่อมา
1. แจกแจงภารกิจของหน่วยปฏิบัติการ (decision unit) ภารกิจที่ว่านี้ อาจเป็นกิจกรรมเดี่ยว หรือกลุ่มกิจกรรม ในองค์กรหนึ่งๆ จะประกอบด้วย decision unit มากมาย หน่วยงานที่เป็นตัวกำเนิดรายจ่ายทั้งหลาย เช่น ฝ่ายการตลาด ฝ่ายผลิต ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ฝ่ายวิจัยและพัฒนา หรือแม้แต่หน่วยหารายได้ เช่น ฝ่ายขายที่มีค่าใช้จ่ายทางอ้อม (overhead) ก็ล้วนเป็น decision unit ในความหมายนี้ทั้งสิ้น การแจกแจงภารกิจนับเป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจสอบรายจ่าย ผู้บริหาร decision unit จะต้องอธิบายรายละเอียดของกิจกรรมและงบประมาณที่ decision unit ต้องการใช้ คำอธิบายดังกล่าวจะไม่อิงงบประมาณเก่า หรือนำการใช้จ่ายของปีที่แล้วมาอ้าง
- งานที่ชุดภารกิจจะปฏิบัติ
- เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของ decision unit ซึ่งมีชุดภารกิจนี้เป็นองค์ประกอบ
- เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของชุดภารกิจ
- บทวิเคราะห์ความจำเป็นของงาน
- บทวิเคราะห์ความสามารถทางเทคนิคในการปฏิบัติงาน
- บทวิเคราะห์ทางเลือกในการดำเนินงาน
เปรียบเทียบ Zero-based budgeting กับวิธีการกำหนดงบประมาณวิธีอื่น
(1) Zero-based budgeting กับ Activity-based budgeting
Zero-based budgeting กำหนดงบประมาณฐานศูนย์ ไม่นำงบประมาณปีที่แล้วมาพิจารณา การจัดสรรทรัพยากรขึ้นอยู่กับความจำเป็นและต้นทุนของหน่วยงาน ลำดับความสำคัญของกิจกรรมทางธุรกิจจัดตามผลที่กิจกรรมนั้นจะทำให้เกิดขึ้น โดยจะต้องตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมจนแล้วเสร็จก่อน จึงจะจัดสรรงบประมาณให้ zero-based budgeting จะทบทวนกิจกรรมทั้งหมดของธุรกิจทุกปีและจัดสรรงบประมาณให้เฉพาะกิจกรรมที่ควรแก่การใช้จ่าย การตัดกิจกรรมที่หมดความจำเป็นแล้วจึงส่งผลต่อการประหยัดงบประมาณ
(1) Zero-based budgeting กับ Activity-based budgeting
Zero-based budgeting เริ่มต้นพิจาณาจากฐานงบประมาณที่เป็นศูนย์ คือไม่นำงบประมาณของปีที่แล้วมาพิจารณา งบประมาณจะได้รับการพิจารณาแบบแกะกล่อง (scratch) ในทุกๆ รอบของการจัดทำงบประมาณ การตัดรายการที่นำเสนอหรือเพิ่มรายการใหม่เข้าไปในงบประมาณทำได้ง่ายเพราะ zero-based เป็นการจัดทำงบประมาณขึ้นมาใหม่ทั้งหมด จึงมีความยืดหยุ่นในการจัดทำ แต่กว่าที่จะจัดสรรงบประมาณออกไปได้ ก็จะต้องผ่านการวิเคราะห์และการคำนวณที่ซับซ้อน ผู้บริหารจึงจำเป็นต้องมีทักษะและความรู้ที่ได้รับการฝึกอบรมในการจัดเตรียมงบประมาณมาเป็นอย่างดี ในการจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ ต้องผ่านการเปรียบเทียบและอนุมัติหลายขั้นตอนโดยกิจกรรมที่เป็นตัวสร้างรายได้และมีความสำคัญต่อการอยู่รอดทางธุรกิจจะถูกจัดอยู่ในลำดับความสำคัญสูงสุด กว่าที่โครงการใดๆ จะได้รับการบรรจุเข้าในงบประมาณจึงใช้เวลาพิจารณานานกว่าการจัดทำงบประมาณแบบเดิม
ข้อดี ข้อเสียของ Zero-based budgeting
< ข้อดี >
1. เป็นการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพเพราะจัดตามความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับในปัจจุบัน ไม่ใช่จากงบประมาณที่เคยได้รับในอดีต
< ข้อดี >
1. เป็นการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพเพราะจัดตามความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับในปัจจุบัน ไม่ใช่จากงบประมาณที่เคยได้รับในอดีต
2. บังคับให้ผู้บริหารต้องหาวิธีการปรับปรุงวิธีการดำเนินกิจกรรมที่ใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่าที่สุด
3. สามารถตรวจสอบงบประมาณที่สูงเกินจริง
4. เหมาะจะนำมาใช้กับหน่วยงานประเภทให้บริการ เพราะทำให้มีโอกาสได้ทบทวนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขซึ่งปกติเป็นเรื่องที่ยากต่อการพิจารณา
5. เพิ่มแรงจูงใจให้กับพนักงานเพราะทำให้พวกเขาได้ใช้ความคิดริเริ่มและความรับผิดชอบมากขึ้นในกระบวนการตัดสินใจ
6. เพิ่มการสื่อสารและการประสานการตัดสินใจเรื่องที่มีสำคัญภายในองค์กร
7. สามารถแยกแยะและตัดค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนหรือสูญเปล่าไปกับกิจกรรมที่หมดความจำเป็นแล้ว
8. ทำให้ได้เห็นช่องทางว่ากิจกรรมใดควรใช้สัญญาจ้างภายนอกแทนพนักงานประจำ
< ข้อเสีย >
1. บางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้ผู้บริหารได้เข้าใจความจำเป็นของค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนบางรายการ ทำให้กลายเป็นกระบวนการที่ใช้ทั้งเวลาและความเหนื่อยยากกว่าจะได้ข้อมูลที่หนักแน่นพอแก่การตัดสินใจ
1. บางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้ผู้บริหารได้เข้าใจความจำเป็นของค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนบางรายการ ทำให้กลายเป็นกระบวนการที่ใช้ทั้งเวลาและความเหนื่อยยากกว่าจะได้ข้อมูลที่หนักแน่นพอแก่การตัดสินใจ
2. เป็นวิธีการที่บังคับให้ผู้บริหารระดับกลางต้องแยกแยะรายละเอียดของค่าใช้จ่ายทุกรายการจึงจะได้รับงบประมาณ แต่บางกิจกรรมก็ยากที่จะแจกแจงรายละเอียดที่ชัดเจนในอนาคตได้ เช่น หน่วยงานวิจัยและพัฒนา หากไม่สามารถยืนยันรายรับรายจ่ายที่ชัดเจนในการสร้างนวัตกรรม อาจถูกโอนย้ายงบประมาณที่ควรได้รับไปให้หน่วยงานอื่นที่สามารถแสดงรายละเอียดของค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนกว่า
3. การจัดงบประมาณฐานศูนย์ให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นได้นั้น ผู้บริหารทุกระดับในองค์กรจะต้องได้รับการฝึกอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะในในการนำไปใช้ปฏิบัติ ผู้บริหารต้องรู้และเข้าใจว่าระบบวิธีงบประมาณนี้ทำงานอย่างไรในองค์กรเพื่อจะได้บริหาร ตัดสินใจ และสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ตามความรับผิดชอบของตนได้อย่างถูกต้อง
4. เนื่องจากระบบงบประมาณฐานศูนย์ต้องใช้ข้อมูลและแบบฟอร์มจำนวนมาก ไม่มีใครสามารถรู้ในทุกรายละเอียดของเรื่องราวและที่เกี่ยวกับการตัดสินใจ จึงมีความพยายามที่จะบีบอัดข้อมูลและรายละเอียดซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้ข้อมูลที่สำคัญๆ ตกหล่นไป
5. ความซื่อสัตย์และเสมอต้นเสมอปลายของผู้บริหารเป็นเรื่องที่ต้องรักษาให้คงไว้ ผู้บริหารในหน่วยงานต่างๆ อาจพยายามบิดเบือนตัวเลขเพื่อให้การใช้จ่ายดูเป็นสิ่งที่เดือดร้อนจำเป็น ทำให้บริษัทต้องสิ้นเปลืองเงินไปในสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อไปอีก ผู้บริหารที่ทำข้อมูลเกินจริงจึงต้องได้รับการลงโทษ
6. ตอบสนองความจำเป็นได้ช้า โดยเหตุที่ต้องใช้เวลาและการฝึกอบรมในการจัดทำและปรับงบประมาณ ผู้บริหารระดับกลางจึงมักใช้เวลาค่อนข้างมากในการปรับตัวเลขให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด นั่นหมายความว่า บริษัทต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นในการโอนจ่ายเงินให้กับหน่วยงานที่มีความต้องการงบประมาณอย่างรีบด่วน ระบบนี้จึงทำให้เกิดช่องว่างขึ้นในระบบเพราะงบประมาณอาจไม่สนองตอบต่อหน่วยงานที่ต้องการงบประมาณฉุกเฉินรีบด่วน
- Activity-Based Management (ABM)
- Auditing
- Beyond Budgeting
- Cost-Benefit Analysis (CBA)
- Financial Planning
---------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น